Wednesday, October 12, 2011

กระบวนการวัดผลการดำเนินการขององค์กร (Performance Measurement)

จากบทความคราวที่แล้วได้พูดถึงภาพใหญ่ของหมวดการวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ ซึ่งประกอบด้วย 2 หมวดย่อยด้วยกันคือ 1. การวัด วิเคราะห์ และปรับปรุงผลการดำเนินการ  และ 2. การจัดการสารสนเทศ ความรู้ และเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับในบทความนี้ก็จะขอลงในรายละเอียดในเรื่องของกระบวนการวัดผลการดำเนินการขององค์กร 

กระบวนการวัดผลการดำเนินการขององค์กร จะต้องมีองค์ประกอบ 4 เรื่องด้วยกันและในแต่ละองค์ประกอบองค์กรต้องอธิบายคำถามต่างๆ เหล่านี้

1) ตัววัดผลการดำเนินการ (Performance measures)

1.1  องค์กรมีตัววัดผลการดำเนินการที่สำคัญ (Key organizational performance measures) รวมทั้งตัววัดด้านการเงินทั้งระยะสั้นและระยะยาวอะไรบ้าง

ตัวอย่างตัววัดผลการดำเนินการที่สำคัญของ K&M Management ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหารประกอบด้วยตัววัดระยะสั้น ได้แก่ ความพึงพอใจของลูกค้า, คุณภาพอาหาร, ความถูกต้องของการรับคำสั่งรายการอาหาร, ความพึงพอใจของพนักงาน, อัตราการเข้าออกของพนักงาน, ยอดขายรายวัน สำหรับตัววัดระยะยาวได้แก่ อัตราการเติบโตของยอดขาย, ความสามารถในการทำกำไร, ความพึงพอใจของลูกค้า, อัตราการเข้าออกของพนักงาน, ผลกระทบต่อชุมชน, เงินสดหมุนเวียน, การปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์ จะเห็นได้ว่าตัววัดความพึงพอใจของพนักงาน และอัตราการเข้าออกของพนักงาน K&M Management ใช้เป็นทั้งตัววัดทั้งในระยะสั้น และระยะยาว

1.2  ตัววัดเหล่านี้ได้มีการติดตามบ่อยเพียงใด

คำถามนี้ต้องการทราบถึงความถี่ที่องค์กรใช้ในการติดตามตัววัดต่างๆ เช่น การติดตามรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายไตรมาส และรายปี เป็นต้น

1.3  องค์กรมีกระบวนการในการเลือก รวบรวม ปรับให้สอดคล้องไปในแนวทางเดียวกัน และบูรณาการข้อมูลและสารสนเทศอย่างไร

คำถามนี้องค์กรต้องอธิบายถึงกระบวนการในการเลือกตัววัดต่างๆ กระบวนการกำหนดตัววัดนั้นเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีการจัดทำแผนระยะสั้นและระยะยาวแล้ว ส่วนกระบวนการรวบรวมตัววัดต่างๆ นั้น อาจใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยในการรวบรวมหรืออาจมาจากการประชุมรายเดือนของผู้บริหารระดับสูงหรือการว่าจ้างองค์กรภายนอกทำการรวบรวม เป็นต้น จะใช้กระบวนการรวบรวมในการจัดเก็บตัววัดใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและการพิจารณาของผู้บริหารระดับสูงของแต่ละองค์กร

1.4  องค์กรมีกระบวนการในการใช้ข้อมูลและสารสนเทศเหล่านี้เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในระดับองค์กรและสร้างนวัตกรรมอย่างไร

คำถามนี้องค์กรต้องอธิบายถึงกระบวนการที่องค์กรใช้ข้อมูลในการสนับสนุนการตัดสินใจขององค์กรและนวัตกรรมตัวอย่างเช่น กระบวนกาของ K&M Management โดยใช้ข้อมูลเรียลไทม์, การวิเคราะห์แนวโน้ม, การเปรียบเทียบการดำเนินการของคู่แข่งและอุตสาหกรรม, การเปรียบเทียบการดำเนินการของแต่ละสาขา และการเปรียบเทียบการดำเนินการของปีปัจจุบันกับปีที่ผ่านมา ข้อมูลจะถูกรวมเข้ากับระบบการให้รางวัลแก่สาขาที่มีการดำเนินการดีเยี่ยม และข้อมูลที่จัดเก็บจะแสดงเพื่อใช้ในการติดตามในรูปแบบแผนภูมิควบคุม (Control charts) เป็นต้น

2) ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Data)

องค์กรมีกระบวนการเลือกและสร้างความมั่นใจได้อย่างไรว่าได้ใช้ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบที่สำคัญเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในระดับปฏิบัติการและระดับกลยุทธ์ รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิผล

คำถามนี้องค์กรต้องอธิบาย 2 ประเด็นคือ 1) กระบวนการที่องค์กรใช้ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะต้องสะท้อนถึงประสิทธิผลของกระบวนการด้วย เช่น องค์กรมีการกำหนดวัตถุประสงค์ของการใช้ข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบการนำองค์กร, การเปรียบเทียบประสิทธิภาพขององค์กรกับองค์กรคู่แข่งหรือองค์กรอื่นที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่คล้ายคลึงกัน, การกำหนดเป้าหมาย, และการสนับสนุนการตัดสินใจ โดยองค์กรมีการกำหนดเกณฑ์ที่ใช้ในการเลือกข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบคือการพร้อมใช้งาน, ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือ, การเปรียบเทียบด้วยการปฏิบัติที่ดีเยี่ยม (Best practices), ระบุหน่วยงานหรือบริการที่ทำการเปรียบเทียบ และต้นทุนของสารสนเทศ เป็นต้น และ 2) แหล่งของข้อมูลและสารสนเทศเชิงเปรียบเทียบ ซึ่งอาจรวมถึงวารสารทางอุตสาหกรรมและสิ่งตีพิมพ์, กระบวนการเทียบเคียงวิธีปฏิบัติที่ดีเยี่ยม (Best practices), รายงานประจำปีของบริษัทมหาชน, การประชุม (Conference) เครือข่ายในท้องถิ่น และสมาคมอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น

3) ข้อมูลลูกค้า (Customer Data)

องค์กรมีกระบวนการเลือกและสร้างความมั่นใจได้อย่างไรว่าได้ใช้ข้อมูลและสารสนเทศด้านความต้องการของลูกค้ารวมถึงข้อร้องเรียนของลูกค้าเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในระดับปฏิบัติการและระดับกลยุทธ์ รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิผล

คำถามนี้องค์กรต้องอธิบายถึงกระบวนการที่องค์กรใช้ในการเปรียบเทียบความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อองค์กรกับที่มีต่อองค์กรคู่แข่ง, ความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อผลิตภัณฑ์ที่เป็นคู่แข่ง หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกอื่น และ/หรือผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งข้อมูลและสารสนเทศเหล่านี้อาจได้มาจากการศึกษาเชิงเปรียบเทียบที่ทำโดยองค์กรเองหรือโดยหน่วยงานอิสระ โดยประเด็นของการศึกษานั้นจะต้องระบุปัจจัยที่มีผลต่อความชอบของลูกค้าเนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจกับปัจจัยต่างๆ ที่ผลักดันตลาด และมีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวรวมถึงความยั่งยืนขององค์กร

4) ความไวในการวัด (Measurement Agility)

องค์กรมั่นใจได้อย่างไรว่ากระบวนการวัดผลการดำเนินการดังกล่าวสามารถสนองรับต่อความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในหรือภายนอกองค์กรที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วหรือที่ไม่ได้คาดคิด

คำถามนี้องค์กรต้องอธิบายถึงกระบวนการที่องค์กรใช้เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการวัดผลการดำเนินการดังกล่าวมีความไว เช่น การใช้ข้อมูลป้อนกลับจากภายในและข้อมูลการปรับปรุงจากการติดตามแผนเชิงกลยุทธ์รายเดือน และการประชุมกลยุทธ์รายไตรมาส และจากผลการดำเนินงานรายเดือน, การทบทวนประสิทธิภาพรายเดือนและมีการปรับแผนรายไตรมาส, การใช้ข้อมูลป้อนกลับจากคู่ค้า, ลูกค้า และผู้ส่งมอบที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ พนักงานทุกคนจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายนอก, การวิเคราะห์แนวโน้มอุตสาหกรรม, การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ ข้อมูลเหล่านี้อาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงในระบบการวัดประสิทธิภาพการทำงาน เป็นต้น นอกจากนี้องค์กรควรส่งเสริมให้มีการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดทั้งภายในหรือภายนอกองค์กร

บทความที่เกี่ยวข้อง

Saturday, October 1, 2011

การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (Measurement, Analysis, and Knowledge Management)

การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ (หมวด 4 ของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ) เป็นพื้นฐานของระบบการจัดการผลการดำเนินการโดยรวมขององค์กร ทำให้องค์กรมีการจัดการที่มีประสิทธิผล และมีการปรับปรุงผลการดำเนินการและความสามารถในการแข่งขัน วัตถุประสงค์ของหมวดนี้สรุปได้คือ
 

   •  เพื่อสนับสนุนการจัดทำกลยุทธ์ขององค์กร
   •  เพื่อเป็นพื้นฐานที่มีประสิทธิผล (Effective Basis) ในการวัดผลการดำเนินการด้านต่างๆ
   •  เพื่อใช้ในการติดตามความก้าวหน้าของวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการ
 

การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ เกี่ยวข้องกับกระบวนการใช้ข้อมูลและสารสนเทศที่สำคัญ เพื่อผลักดันให้เกิดการปรับปรุงและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ดังนั้นหัวใจสำคัญของกระบวนการใช้ข้อมูลและสารสนเทศดังกล่าวอยู่ที่คุณภาพและความพร้อมใช้งานของข้อมูล
 

หมวดนี้จะประกอบด้วย 2 เรื่องที่สำคัญคือ 1. การวัด วิเคราะห์ และปรับปรุงผลการดำเนินการ  และ 2. การจัดการสารสนเทศ ความรู้ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
 

1. การวัด วิเคราะห์ และปรับปรุงผลการดำเนินการ โดยจุดประสงค์ของหัวข้อนี้จะมุ่งเน้นกระบวนการหรือวิธีการที่องค์กรใช้ในการเลือกและใช้ข้อมูลและสารสนเทศสำหรับ 3 กระบวนการหลักที่สำคัญคือ
   ก.  กระบวนการวัดผลการดำเนินการขององค์กร
   ข.  กระบวนการวิเคราะห์และทบทวนผลการดำเนินการขององค์กร
   ค.  กระบวนการปรับปรุงผลการดำเนินการขององค์กร
 

2. การจัดการสารสนเทศ ความรู้ และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยจุดประสงค์ของหัวข้อนี้จะมุ่งเน้นกระบวนการหรือวิธีการที่องค์กรใช้เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูล สารสนเทศ ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นนั้น มีคุณภาพ และพร้อมใช้งาน สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) อาทิ บุคลากร ผู้ส่งมอบ คู่ความร่วมมือ และลูกค้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นกระบวนการหรือวิธีการที่องค์กรใช้ในการสร้างและจัดการสินทรัพย์ทางความรู้ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมขององค์กร ดังนั้นหัวข้อนี้จะประกอบด้วย 2 กระบวนการที่สำคัญคือ
   ก.  กระบวนการจัดการข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ขององค์กร
   ข.  กระบวนการจัดการทรัพยากรสารสนเทศ และเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กร
 

จะเห็นได้ว่าในหมวดการวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้นี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อองค์กร เพราะหมวดนี้จะทำให้องค์กรมีการจัดการที่มีประสิทธิผล และมีการปรับปรุงผลการดำเนินการและความสามารถในการแข่งขันโดยหมวดนี้จะเชื่อมโยงกับหมวดต่างๆ อาทิ หมวดการวางแผนเชิงกลยุทธ์ในเรื่องระบบการวัดผลโดยรวมของแผนปฏิบัติการ และการวัดผลการดำเนินการความก้าวหน้าของวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการ, หมวดการมุ่งเน้นลูกค้าในเรื่องการวัดความพึงพอใจและความผู้พันของลูกค้าและการใช้สารสนเทศเพื่อนำไปใช้ตอบสนองให้เหนือความคาดหวังของลูกค้า และสร้างความผูกพันกับลูกค้า, หมวดการจัดการกระบวนการในเรื่องการวัดขีดความสามารถของกระบวนการ เป็นต้น